าสตร์ \( \begin{array}{l}\text { ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (หลักสูตร กศน. 2551) } \\ \text { จำนวน } 70 \text { คน พบว่ามีนักศึกษาที่ชอบวิชา } \\ \text { คณิตศาสตร์ } 35 \text { คน ชอบวิชาภาษาไทย } 40 \text { คน } \\ \text { ไม่ชอบทั่งวิชาคณิตศาสตร์และภาษาไทย } 9 \text { คน }\end{array} \) \( \begin{array}{l}\text { นักศึกษาที่ชอบทั่งวิชาคณิตศาสตร์และภาษาไทย } \\ \text { มีจำนวนกี่คน } \\ \text { ก. } 11 \\ \text { ข. } 12 \\ \text { ค. } 13\end{array} \) ง. 14

เรามาเริ่มด้วยการจัดระเบียบข้อมูลกันก่อนนะ! เรามีนักเรียนทั้งหมด 70 คน และมีนักเรียนที่ชอบคณิตศาสตร์ 35 คน ชอบภาษาไทย 40 คน และไม่ชอบทั้งสองวิชา 9 คน ดังนั้นนักเรียนที่ชอบอย่างน้อยหนึ่งวิชาคือ 70 - 9 = 61 คน จากนั้นสามารถใช้สูตรการนับในการหาจำนวนนักเรียนที่ชอบทั้งสองวิชาได้: \[ \text{นักเรียนที่ชอบคณิตศาสตร์} + \text{นักเรียนที่ชอบภาษาไทย} - \text{นักเรียนที่ชอบทั้งสองวิชา} = \text{นักเรียนที่ชอบอย่างน้อยหนึ่งวิชา} \] ดังนั้น \[ 35 + 40 - x = 61 \Rightarrow x = 14 \] การหาคำตอบที่ถูกต้องทำให้เราทราบว่านักเรียนที่ชอบทั้งวิชาคณิตศาสตร์และภาษาไทยนั้นมีอยู่ 14 คน! 🤓🍎 หากต้องการให้สัมพันธ์กับการใช้วิชาในชีวิตจริงก็สามารถช่วยได้อย่างมาก! การจัดการเวลาหรือการวางแผนการเงินส่วนตัว ก็คือการนำ ความรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์มาใช้ประโยชน์ เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ และการจัดการกับจำนวนเงินอย่างชาญฉลาด ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากในชีวิตประจำวัน! 📚 หากสนใจจะเจาะลึกในโลกของคณิตศาสตร์เพิ่มเติม สามารถหาหนังสือที่ชื่อ "The Joy of x" โดย Steven Strogatz ที่จะพาคุณไปพบกับความสนุกและความน่าสนใจในคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่เบื่อ!